หลักการและเหตุผล

         พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ตราขึ้นเพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและแนวโน้มเกิดการละเมิดสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิความเป็นส่วนตัวมีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปแสวงหาประโยชน์หรือเปิดเผยโดยมิชอบหรือโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล เพื่อประโยชน์ในทางการค้า หรือเพื่อประโยชน์ในการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในการกระทำความผิดต่าง ๆ เช่น การฉ้อโกง การหมิ่นประมาท เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตามนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องมีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อสร้างกลไกการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นมาตรฐานเดียวกันและสอดคล้องกับมาตรฐานที่เป็นสากล โดยต้องไม่สร้างภาระหน้าที่แก่ผู้เกี่ยวข้องจนกลายเป็นข้อจำกัดหรืออุปสรรคในการประกอบธุรกิจการค้าหรือการให้บริการของภาคส่วนต่าง ๆ จนเกินสมควร เพื่อแก้ไขปัญหาการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ   สถานศึกษาไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย วิทยาลัย โรงเรียน โรงเรียนเอกชน โรงเรียนกวดวิชา รวมทั้งสถานศึกษานอกระบบต่างเป็นผู้มีหน้าตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ในฐานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดหน้าที่ในการเก็บ ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น การโอนข้อมูล การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การให้สิทธิตรวจสอบ แก้ไข ลบแก่เจ้าของข้อมูล ซึ่งผู้ควบคุมข้อมูลจำเป็นต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย อาทิ เรื่องการขอความยินยอม (Consent Form) การจัดให้มีนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) และต้องเตรียมความพร้อมเพื่อจัดให้มีเอกสาร สัญญา ระบบและกระบวนการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายนี้กำหนด ดังนั้น สถานศึกษาจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเพื่อจัดการ วางระบบและกระบวนการปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากหากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม กฎหมายได้กำหนดมาตรการลงโทษทั้งทางแพ่ง ทางอาญาและทางปกครอง โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับหน้าที่ผู้บริหารสถานศึกษาในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้ปลอดภัย หน้าที่ของสถานศึกษาที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของนักศึกษา นักเรียนและบุคลากรของโรงเรียน การเก็บ ใช้ เปิดเผย การส่งต่อข้อมูลของนักเรียน นักศึกษา และการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของนักเรียน นักศึกษาในแต่ละกิจกรรมต่าง ๆ ของสถานศึกษา และการวางแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติงานของสถานศึกษาตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

สมาคมรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมความรู้ทางวิชาการและการอบรม ได้ตระหนักถึงความจำเป็นดังกล่าว จึงกำหนดจัด โครงการอบรมหลักสูตรกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับสถานศึกษา (PDPA for Education) ในวันที่ 2 มีนาคม 2564 เวลา 09.00 – 16.00 น. ณ ห้องบุษบา ชั้น 1 โรงแรมแมนดาริน แมนเนจ บาย เซ็นเตอร์ พ้อยท์ สามย่าน (MRT สามย่าน) โดยกลุ่มเป้าหมายผู้อบรม ได้แก่ ผู้บริหารและบุคลากรของสถานศึกษา ที่ปรึกษากฎหมายและผู้สนใจทั่วไป

วัตถุประสงค์

1. 1.  เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับหลักพื้นฐานของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และความเชื่อมโยงกับหน้าที่ของผู้บริหารสถานศึกษาที่ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎหมาย
2. 2. เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสาระสำคัญของกฎหมายในกลุ่มการศึกษาและความเชื่อมโยงกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 พระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. 2546 พระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
3. 3. เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับฐานในการประมวลผลหรือเหตุการเก็บ ใช้ เปิดเผย สำหรับข้อมูลนักเรียน นักศึกษา และหลักการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลนักเรียน นักศึกษานบุคคลของสถานศึกษา
4. 4. เพื่อสร้างความเข้าใจในกระบวนการคัดแยกข้อมูลและการตรวจสอบความสอดคล้องของการบริหารจัดการข้อมูล และแนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่ว
5. 5.   เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแสดงความคิดเห็นระหว่างผู้อบรมกับวิทยากร
6. 6.   เพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางวิชาการของสมาคมรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์