หลักการและเหตุผล

        พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ตราขึ้นเพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและแนวโน้มเกิดการละเมิดสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิความเป็นส่วนตัวมีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปแสวงหาประโยชน์หรือเปิดเผยโดยมิชอบหรือโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล เพื่อประโยชน์ในทางการค้า หรือเพื่อประโยชน์ในการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในการกระทำความผิดต่าง ๆ เช่น การฉ้อโกง การหมิ่นประมาท เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตามนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อสร้างกลไกการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นมาตรฐานเดียวกันและสอดคล้องกับมาตรฐานที่เป็นสากล ซึ่งกฎหมายดังกล่าวมีหลักการที่กำหนดหน้าที่หลายประการอันอาจส่งผลกระทบต่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นและมีฐานทางกฎหมายร้องรับ การจัดทำบันทึกกิจกรรมประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล การกำหนดกระบวนการรองรับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การให้สิทธิตรวจสอบ แก้ไข ลบแก่เจ้าของข้อมูล การจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม การดำเนินการเพื่อป้องกันมิให้ผู้นั้นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ การจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา การแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงหน้าที่ในการจัดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา 41    พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 42 กำหนดให้เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้

1.  (1) ให้คำแนะนำแก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
2.  (2) ตรวจสอบการดำเนินงานของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
3.  (3) ประสานงานและให้ความร่วมมือกับสำนักงานในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
4.  (4) รักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนล่วงรู้หรือได้มาเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้

   ดังนั้น เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจึงจำเป็นต้องมีทักษะในการปฏิบัติงานด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีความรู้ความเข้าใจในหลักการและแนวปฏิบัติของพ¬ระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมทั้งกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปัจจุบัน (มีนาคม 2567) ได้มีการออกกฎหมายลำดับรองในรูปของประกาศและระเบียบของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและรายละเอียดในการปฏิบัติให้เป็นไปตามพ¬ระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวม 22 ฉบับ เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมาย และตรวจสอบการดำเนินงานของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล   

สมาคมนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ (ชื่อเดิม สมาคมรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมความรู้ทางวิชาการและการอบรม ได้ตระหนักถึงความจำเป็นดังกล่าว จึงกำหนดจัดหลักสูตรเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รุ่น 5 (Data Protection Officer : DPO) วันที่ 5 – 7 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. รวม 18 ชั่วโมง ณ โรงเเรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กลุ่มเป้าหมายผู้อบรม คือ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor) ผู้บริหารของหน่วยงานและองค์กรธุรกิจ หัวหน้าส่วนงานที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานและองค์กรธุรกิจ ผู้กำกับการปฏิบัติงาน (compliance) ในหน่วยงานหรือองค์กรธุรกิจ ผู้ปฏิบัติงานด้านกฎหมาย ผู้ตรวจสอบภายใน และผู้ที่สนใจทั่วไป

วัตถุประสงค์

1. 1)เพื่อให้ผู้อบรมมีความรู้เกี่ยวกับหลักการด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและหลักเกณฑ์สาระสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ตลอดจนแนวปฏิบัติและกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
2.  2) เพื่อให้ผู้อบรมมีความรู้เกี่ยวกับมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และกรณีศึกษาเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
3.  3) เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ในการการปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO)
4. 4) เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ผู้อบรมสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติไปใช้ในการปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) ของหน่วยงานหรือองค์กรธุรกิจได้อย่างถูกต้องและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

ผลการอบรมที่คาดหวัง

1. 1) ผู้อบรมมีความรู้เกี่ยวกับหลักการด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและหลักเกณฑ์สาระสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 แนวปฏิบัติและกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
2. 2) ผู้อบรมมีความรู้เกี่ยวกับมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และกรณีศึกษาเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
3. 3) ผู้อบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ในการการปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO)
4. 4) ผู้อบรมสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติไปใช้ในการปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) ของหน่วยงานหรือองค์กรธุรกิจได้อย่างถูกต้องและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ การให้คำแนะนำแก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล การตรวจสอบการดำเนินงานเกี่ยวกับการ เก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การประสานงานและให้ความร่วมมือกับสำนักงานในกรณีที่มีปัญหา รวมถึงการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนล่วงรู้หรือได้มาเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่