ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
บริษัท ฟินลิค จำกัด
ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) นี้ จัดทำขึ้นโดย บริษัท ฟินลิค จำกัด (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัท” เพื่อให้ท่านได้ทราบถึงนโยบายของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
โดยประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวจะแจ้งให้ทราบถึงการดำเนินการของบริษัท ในฐานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ประเภทข้อมูลและวัตถุประสงค์ในการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอก สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และวิธีการติดต่อกับบริษัท ดังนี้
1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
- - ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง ลายมือชื่อ ตำแหน่งงานและหน่วยงาน ที่อยู่ หมายเลขติดต่อ อีเมล เสียง รูปถ่าย ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น
- - ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ เช่น ข้อมูลการติดต่อและสื่อสารกับคนอื่น หมายเลข IP ข้อมูลเครือข่ายมือถือ ข้อมูลการเชื่อมต่อ ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง บันทึกการเข้าออกเว็บไซต์ ประวัติการใช้เว็บไซต์ ความถี่ ช่วงเวลา ข้อมูลการทำธุรกรรม พฤติกรรมการใช้งาน เป็นต้น
- - ข้อมูลจราจรทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในแพลตฟอร์ม เช่น Zoom Line Meeting Microsoft Teams Google Meet Webex รวมถึงการบันทึกเสียง หรือทั้งเสียงและภาพ ของผู้ร่วมประชุมทุกคนตลอดระยะเวลาที่มีการประชุม
- - ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่จัดเก็บตามวัตถุประสงค์และกิจกรรมของบริษัท
บริษัทไม่มีนโยบายในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวตามมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่น
2. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้จากลงทะเบียนเข้าร่วมอบรมในหลักสูตรต่างๆ การเข้าร่วมงานสัมมนาหรืองานอบรมทั้งแบบกายภาพและผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ข้อมูลกรรมการบริษัท การเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ การจัดซื้อจัดจ้าง การทำสัญญา การเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ ข้อมูลที่ได้จากแพลตฟอร์มหรือสื่อออนไลน์ทุกประเภท เป็นต้น
2) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้จากแหล่งอื่น เช่น คณะ สาขาวิชา มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา หน่วยงานเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ หน่วยงานภาครัฐ หรือภาคเอกชน บริษัทจะทำการแจ้งถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้จากแหล่งอื่นให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยไม่ชักช้า ภายใน 30 วันนับแต่วันที่เก็บรวบรวม เพื่อขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมตามที่กฎหมายกำหนด
3.วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้วัตถุประสงค์และฐานในการประมวลผล ดังนี้
วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล | ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล |
การลงทะเบียนและเข้าร่วมอบรมในหลักสูตรกฎหมายฟอกเงิน สำหรับผู้มีหน้าที่รายงาน |
|
การเก็บข้อมูลจราจรทางอิเล็กทรอนิกส์หรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในแพลตฟอร์ม |
|
การทำแบบทดสอบหลังการอบรมและการเฉลยแบบทดสอบผ่านระบบ Line group |
|
การดำเนินงานตามสัญญา/คู่ค้าของบริษัท |
|
การดำเนินงานด้านการเงิน / บัญชี |
|
การประชาสัมพันธ์ข่าวสาร การประชาสัมพันธ์กิจกรรมของบริษัท เช่น การส่งอีเมลข่าวสาร |
ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) |
การดำเนินการกับข้อมูลของกรรมการบริษัท |
|
การจัดการประชุมคณะกรรมการบริษัท การประชุมใหญ่สามัญประจำปี และการประชุมอื่น ๆ |
|
การเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์บนเว็บโซต์ของบริษัท |
|
การประมวลผลข้อมูลของลูกค้าจากการใช้งานเว็บไซต์ แอปพลิเคชันและโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของบริษัท เช่น Facebook, Twitter, YouTube, Line เป็นต้น |
|
การรักษาความปลอดภัยของสถานที่ เช่น การเก็บข้อมูลผู้ติดต่อบริษัท | ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) |
4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจเปิดเผยหรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อใช้ในกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต่อบุคคล นิติบุคคลหรือหน่วยงานดังต่อไปนี้
- 1) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
- 2) กรรมการบริษัท ที่ปรึกษาบริษัท เจ้าหน้าที่บริษัท ผู้รับจ้าง หรือตัวแทนของบุคคลดังกล่าว
- 3) บุคคลภายนอกที่ให้บริการด้านต่างๆ แก่บริษัท เช่น บริษัทผู้รับจ้าง บริษัทผู้รับจ้างช่วง ผู้จัดทำบัญชี ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายนอก
- 4) วิทยากรของหลักสูตรและผู้ตรวจประเมินความถูกต้องของหลักสูตร
- 5) บุคคลที่เข้าร่วมอบรมในระบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์
- 6) บุคคลที่เข้าร่วมอบรมใน Line Group
- 7) เจ้าหน้าที่ ผู้ประสานงาน ตัวแทนของบริษัทที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสังกัด
- 8) ผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท
- 9) การเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะและบุคคลทั่วไป ผ่านช่องทางสื่อหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ของบริษัท และการประกาศผ่านอื่นประเภท เช่น Social Media หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์
ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะมีวัตถุประสงค์โดยเฉพาะเจาะจง ภายใต้ฐานทางกฎหมาย และมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม
บริษัทอาจมีการจัดเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์ หรือคลาวด์ (Cloud) ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่นและอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของข้อมูลที่เหมาะสม
นอกจากนี้ บริษัทอาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น กรมการปกครอง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เป็นต้น
5. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และมีระยะเวลาจัดเก็บข้อมูล เป็นดังนี้
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล | ระยะเวลาจัดเก็บข้อมูล |
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บโดยฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย | 5 ปี |
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บโดยฐานปฏิบัติตามสัญญา | 10 ปีหลังสิ้นสุดสัญญา |
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บโดยฐานปฎิบัติตามกฎหมาย | ระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด |
ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาการเก็บรักษาและไม่มีเหตุให้ต้องเก็บรักษาข้อมูลสวนบุคคลนั้นต่อไป บริษัทจะทําการลบหรือทําลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
6. สิทธิของเจ้าของข้อมูล
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังต่อไปนี้
- (1) สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม
ท่านมีสิทธิเพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช่หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคทีท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทได ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจํากัดสิทธิโดยกฎหมาย
- (2) สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัททำสําเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้
- (3) สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตัวท่านจากบริษัทได้ ในกรณีที่บริษัทได้ทําให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทํางานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทําได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทําได้
- (4) สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อใดก็ได้ หากข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมได้โดยได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมตามมาตรา 24 (4) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เว้นแต่บริษัทพิสูจน์ได้ว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สําคัญยิ่งกว่า หรือการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิ เรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
- (5) สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทดําเนินการลบ หรือทําลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
(ก) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจําเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
(ข)เมื่อท่านถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทไม่มีอํานาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้ต่อไป
(ค) เมื่อท่านคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทไม่อาจปฏิเสธคําขอได้
(ง) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
- (6) สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
(ก) เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านร้องขอให้ดําเนินการแก้ไข
(ข) เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทําลาย แต่ท่านขอให้ระงับการใช้แทน
(ค)เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจําเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แต่ท่านมีความจําเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(ง)เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ตามมาตรา 32 (1) เพื่อปฏิเสธการคัดค้านของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา 32 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
(8)สิทธิในการตรวจสอบและยื่นข้อร้องเรียน หรือตรวจสอบกรณีข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล หรือมีการใช้ หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และประกาศที่ออกตามกฎหมาย
ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทตามช่องทางติดต่อ เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอดำเนินการตามสิทธิข้างต้นได้ และบริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านภายใน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าว
7. ช่องทางการติดต่อบริษัท
ชื่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล | บริษัท ฟินลิค จำกัด |
ช่องทางติดต่อ: | |
อีเมล : | thailawtraining@gmail.com |
โทรศัพท์ : | 02-077-5801 มือถือ 084-113-5533 , 095 – 951 -0017 |
ที่อยู่ : | 553/240 ถนนประชาอุทิศ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140 |